เรื่องนั้นมีอยู่ว่า จะมีเหตุการณ์สำคัญที่จะวนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งนักลงทุน Crypto นั้น ควรจะทราบเอาไว้ และถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในวงการก็น่าจะทราบเอาไว้เช่นเดียวกันเพราะดูเหมือนจะเข้าใจยาก แต่ไม่มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากนัก นั่นก็คือ Bitcoin Halving ที่กำลังเป็น Talk Of The Town กันอยู่นั่นเอง
Bitcoin ฉบับบ้านๆ แบบเข้าใจง่าย
ก่อนอื่นมาเข้าใจการทำงานเบื้องต้นของ Bitcoin กันก่อน หลายๆคนน่าจะทราบกันแล้วว่า เจ้าบิทคอยน์นี่ ทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มการบันทึกการทำธุรกรรมที่เรียกว่า Blockchain และจะถูกเก็บไว้บนฐานข้อมูล ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ที่จะเป็นฐานข้อมูลชุดเดียวกัน แต่ละเครื่องก็จะมีการแก้สมการแข่งกัน โดยมีรางวัลจากการ “ขุด” เป็นสิ่งล่อใจ ใครที่แก้สมการได้เป็นคนแรก ก็จะได้รางวัลเป็นเหรียญใหม่เอี่ยมอ่อง ที่ยังไม่ได้มีในระบบมาก่อน ยิ่งลงทุนจากการขุดมากก็ยิ่งมีโอกาสมาก แต่ลองคิดดูว่าในโลกนี้มีเครื่องอยู่ในระบบ Blockchain เท่าไหร่ ดังนั้นโอกาสที่จะได้รางวัลก็ดูจะค่อนข้างน้อย เรียกได้ว่า เป็นการเล่นหวยแบบมีหลักการ ก็ว่าได้
ว่าด้วย Bitcoin Halving
50 เหรียญต่อบล็อค เป็นรางวัลที่ได้ในช่วงแรกๆ ในยุคที่ Bitcoin คลอดออกมาสู่สายตาชาวโลกใหม่ๆ ซึ่งดูว่าจะไม่ค่อยจะมีใครสนใจนักเพราะราคายังถือว่าเล็กน้อย และยังมีการลดแลกแจกแถมเพื่อล่อใจให้คนมาถือเหรียญกันมากๆ ราคาตกเหรียญละไม่กี่สิบบาท แต่ผู้ที่คิดค้นมาตรฐานบิทคอยล์อย่าง Satoshi Nakamoto ได้ฝังคำสั่งให้รางวัลจากการขุด ลดลง ครึ่งหนึ่ง ในทุกๆ 210,0000 บล็อก ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4 ปี เรียกกันว่า ปรากฎการณ์ Bitcoin Halving และเกิดขึ้นมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งที่ 4 เกิดขึ้นในวันที่ 20 เมษายน 2024 ดังนั้น รางวัลจาก 50 เหรียญต่อบล็อค จะลดลงเหลือเพียง 3.125 เหรียญ ต่อบล็อค
ผลกระทบที่เห็นได้ชัด
ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ ก็อาจจะมองว่า นี่มันเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน เพราะรางวัลล่อใจนั้น จะหายไปครึ่งหนึ่งในภาวะที่เทรดเดอร์และนักขุดมีกันอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง แต่ผลกระทบที่ว่าใหญ่ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนอะไรเลย เป็นไปตามหลักอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ธรรมดา ของน้อย ของมีจำกัด ก็จะต้องแย่งกันเป็นปกติ ซึ่งเหรียญที่มีอยู่แล้ว ส่วนมากก็จะอยู่ในมือของ บ.เทคใหญ่ๆ ที่เห็นๆ ก็จะเป็น Tesla แต่กับเทรดเดอร์ และนักเก็งกำไรทั่วไป ก็ต้องกลืนน้ำลายเพิ่มทุนขึ้นไปเรื่อยๆ ในทุกครั้งที่เกิดภาวะนี้แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการ “คาดการณ์” กันไว้เท่านั้น อาจจะมีผลทันทีสำหรับราคาที่ถีบสูงขึ้น อาจจะค่อยๆขยับขึ้น โดยใช้เวลาหลายเดือน หรืออาจจะเป็นปี หรือราคาอาจจะร่วงโดยซ้ำไป
ข้อจำกัดของ Bitcoin
นักลงทุนหน้าใหม่ ที่ยังไม่ได้ศึกษาถึงเบื้องลึกของเหรียญ Bitcoin ก็อาจจะยังพอเย็นใจได้ เพราะในเมื่อ “ของ” ที่ยังมีให้เราเล่น ก็เล่นกันไป ไม่ต้องร้อนใจกันมาก มีข้อควรจำอยู่อีกอย่างหนึ่งคือ จำนวนสูงสุดของเหรียญ จะถูกจำกัดไว้ที่ 21,000,000 เหรียญ และถ้าคำนวณจากการ Halving ไปเรื่อยๆ เหรียญทั้งหมดจะถูกขุดขึ้นมาครบในปี 2140 หรืออีกกว่า 120 ปีข้างหน้า ! แน่นอนว่า ทั้งผู้เขียนบทความนี้ และหลายๆที่กำลังอ่าน ไม่ได้อยู่ถึงสถานการณ์ตอนนั้นอย่างแน่นอน
บทสรุป
ในอนาคตนั้น ไม่ได้มีการรับประกันว่า เหรียญ Bitcoin จะมีมูลค่าพุ่งสูงขึ้นไปขนาดไหน อาจจะขึ้นไปอีกเป็นร้อยเท่า หรืออาจจะไม่มีมูลค่าเลย แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังแนะนำว่าควรจะมีติดกระเป๋าไว้สักหน่อยเพื่อความอุ่นใจ คาดการณ์เอาไว้ว่า อย่างดีที่สุด ในการ Halving รอบนี้ ก็อาจจะพุ่งไปถึง 120,000 ดอลลาร์ ซึ่งถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็นับว่าไม่ได้ร้อนแรงแบบที่คาดการณ์กันเอาไว้ เนื่องจากนักลงทุนทั้งหลายได้ทราบมาก่อนกันแล้ว จึงไม่ได้ตกอกตกใจกันจนเกินเหตุ เหรียญที่มีอยู่ก็ถูกนำมาซื้อขายล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ รวมทั้งความเชื่อถือของมูลค่าเหรียญที่มีมากขึ้น ทำให้พฤติกรรมของนักลงทุนนั้น เปลี่ยนแปลงไป นักลงทุนที่เป็นหน่วยงาน หรือนักลงทุนประเภทสถาบัน หันมาเก็บเหรียญและมีส่วนร่วมกันอย่างคึกคัก แสดงให้เห็นว่าอนาคตของบิทคอยล์และเงินคริปโตอื่นๆ ยังถูกมองว่าค่อนข้างสดใส อย่างน้อยก็ในรอบ Bitcoin Halving นี้ เนื่องจากเงิน Fiat นั้น สามารถพิมพ์ใหม่ หาใหม่ได้เรื่อยๆ แต่สำหรับเงิน Bitcoin จะมีข้อจำกัดในตัวของมันเองอย่างที่กล่าวไปแล้ว