เคยได้ยินชื่อผู้บริหารธุรกิจที่เก่งหลายด้านอย่างเป็ดไหมค่ะ วันนี้เราจะพามารู้จักผู้บริหารธุรกิจชื่อดังคนหนึ่งที่นิยามตัวเองว่า “ นักรับจ้างทั่วไป ” นั้นเพราะเขามีแนวคิดของการไม่ยึดติดกับเก้าอี้ประจำตำแหน่ง และพร้อมที่ลุกขึ้นอย่างเท่ๆ ไปทำอย่างอื่นๆ อีกมาก มายที่อยากทำ ฟังแล้วอาจเป็นแนวคิดที่แหวกแนว แต่ก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจมากๆ ยิ่งอ่านเรื่องราวของเขาก็ยิ่งทำให้อยากรู้จักคนๆนี้ให้มากขึ้น เรามาทำความรู้จักกับเขากันเลยค่ะ “ โจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ”
“ โจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ” คือใคร
ในโลกผู้บริหารธุรกิจ หากเอ่ยชื่อ “ โจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ” ย่อมไม่มีใครไม่รู้จัก หรือที่เคยเรียกกันว่า“ โจ้-ธนา ดีแทค ” เพราะเขาเป็นผู้สร้างแบรนด์ Happy ของดีแทค เขาเป็นนักการตลาดชื่อดังที่ไม่ว่าจะหยิบจับสิ่งใดก็ประสบความสำเร็จไปเสียหมด ปัจจุบันเขายังดำรงตำแหน่งหลายอย่างนั้นคือ
- ประธานกรรมการบริษัท บลูบิค กรุ๊ปจำกัด ( มหาชน)
- ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- กรรมการอิสระ บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- กรรมการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด
- กรรมการ บริษัท อักษร เอ็ดดูเคชั่น จำกัด (มหาชน)
- กรรมการอิสระ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน)
- ผู้อำนวยการหลักสูตรพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงธุรกิจ มหาวิทยาลัย ศรีปทุม
ประวัติการทำงานของคุณ “ โจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ”
“โจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ” เป็นนักการตลาดที่เก่งอย่างเป็ด ผ่านการทำงานมาแล้วหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ สายการตลาดนั้นคือ Happy ของดีแทค ซึ่งเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจ็คใหญ่ๆ ที่ประสบผลสำเร็จ แม่มณีของธนาคารไทยพาณิชย์ โทรคมนาคม ธนาคาร และค้าปลีก แอปพลิเคชันฟู้ดเดลิเวอรี่ Robinhood นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้จัดหลักสูตรอบรมธุรกิจที่มีคนนับพันเคยผ่านหลักสูตรของเขา หลักสูตรสถาบันพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงธุรกิจ (ABC-Academy of Business Creativity) เป็นวิทยากรสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จ มีคนติดตามอ่านผ่านเพจ “เขียนไว้ให้เธอ” เป็นเพจที่เขาเขียนไว้ให้ลูกสาวได้อ่านในวันข้างหน้า ซึ่งมีผู้ติดตามนับแสนคนรวมถึงฉันด้วย อีกทั้งยังมีหนังสือดีๆออกมาให้ได้ติดตามอ่านด้วย
ด้วยความที่ติดตามเพจมานาน วันหนึ่งฉันได้รู้จักเขามากขึ้นจากหนังสือ “ ล้ม ลุก เรียน รู้ ” เป็นหนังสือที่ได้เขียนบอกเล่าเรื่องราวความไม่สำเร็จหลายอย่าง ที่ทำให้เขากลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จจนถึงวันนี้ ซึ่งเขาได้บอกเล่าเส้นทางการย้ายตำแหน่งตัวเองจากเด็กปลายโต๊ะ มานั่งหัวโต้ะ อีกทั้งยังบอกเล่าประสบการณ์ในการร่วมงานกับบุคลากรชั้นครูของประเทศ และรวมถึงบอกเล่าความล้มเหลวต่างๆของตัวเองในหลายๆเรื่อง เป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้แนวคิดจากเขาหลายอย่างและหลายด้าน ซึ่งแต่ละเรื่องที่เขาเขียนนอกจากได้แนวคิด แง่คิดแล้ว ยังได้รับแรงบันดาลใจดีๆด้วย วันนี้จึงนำเรื่องราวบทหนึ่งมาเล่าให้ฟัง เป็นบทความที่คุณ ธนา ได้เขียนบันทึกสรุปความล้มเหลวของตัวเขาเป็นบทสุดท้าย เพื่อเตือนใจตัวเองและเพื่อเป็นบทเรียนสำหรับคนอื่นๆบ้าง ซึ่งเขาตั้งชื่อเรื่องไว้ว่า # ลลรร มีเรื่องอะไรกันบ้างนั้นมาดูกันเลยค่ะ
# ลลรร1 ป่วยเรื้อรังจนเรียนรู้
เป็นเรื่องราวเมื่อเขาอายุ 30 กว่าๆ เขาไม่ค่อยใส่ใจเรื่องสุขภาพมากนัก ส่งผลให้เขากลายเป็นคนอ้วนและอ่อนแอมากๆ จนถึงขั้นต้องเข้าห้อง ccu หนึ่งคืน แม้จะเข้าห้อง ccu เพียงหนึ่งคืน แต่กลับส่งผลกระทบต่อเขามากกว่านั้น เพราะเหตุการณ์วันนั้นทำให้เขากลายเป็น Panic disorder คือวิตกกังวลว่าจะเป็นหัวใจวาย สร้างความทรมานให้เขานานถึง 2 เดือน จนสุดท้ายเขาจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ด้วยการกินผักและวิ่ง แม้เขาไม่ชอบการวิ่งแต่ก็ต้องทำเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง อีกทั้งเขาอยากเป็นพ่อที่สุขภาพแข็งแรง จะได้อยู่ดูแลลูกสาวทั้งสองได้นานๆ เรื่องนี้ทำให้เขาเรียนรู้คุณค่าของการมีสุขภาพที่ดี และได้เรียนรู้วินัยการออกกำลังกายด้วย
# ลลรร 2 ลอกเบอร์หนึ่งจึงเรียนรู้
เขาได้บอกเล่าถึงงานการตลาดชิ้นแรกที่เขาทำ นั้นคือการทำ Mobile Internet ยุคแรกๆของไทยในแบรนด์ที่ชื่อว่า djuice เนื่องจากพึ่งย้ายงานจากสายการเงินทำให้เขายังไม่มีประสบการณ์ทางสายการตลาดมาก่อน ด้วยความไร้ประสบการณ์จึงเลือกใช้วิธีทำตามเบอร์หนึ่งทุกอย่าง สุดท้ายก็เจ๊งไม่เป็นท่า ถือเป็นบทเรียนหนึ่งของเขา หลังจากนั้นเมื่อย้ายมาทำแบรนด์ Happy ของดีแทค เขาจึงนำเรื่องครั้งก่อนเป็นบทเรียน จากที่ทำตามเบอร์หนึ่งก็เลือกที่จะยอมรับว่าเป็นมวยรอง ที่ต้องหาทางที่ชัดเจนของตัวเอง ด้วยการทำอะไรตามที่เบอร์หนึ่งไม่ทำ และด้วยวิธีการนี้แบรนด์ Happy ของดีแทคจึงเอาตัวรอดมาได้ในตอนนั้น
# ลลรร 3 ลาออกจึงเรียนรู้
เมื่อก่อนตอนที่เขาทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูง เขายอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่มีอีโก้สูงมาก คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองเป็นคนสำคัญที่บริษัทขาดไม่ได้ เมื่อโมโหเจ้านายจึงลาออก แล้วเขาก็ได้เรียนรู้ว่าจริงๆแล้วเขาไม่ได้มีอะไรเลย ทุกอย่างว่างเปล่า สิ่งที่เขาเคยมี เคยได้ก็มีเพียงความว่างเปล่า เพราะเมื่อออกมาทุกอย่างก็เป็นของบริษัทที่ต้องคืนหมด เก้าอี้ที่เคยนั่งก็มีคนอื่นมานั่งแทน งานที่เคยทำก็มีคนอื่นมาทำแทน ถึงกระนั้นเขายังโชคดีที่เจ้านายได้ตามให้กลับไปทำงานอีกครั้ง ทำให้เขาเรียนรู้ที่จะเป็นคนใหม่ กลับมาเห็นเรื่องคน เรื่องเพื่อนร่วมงาน เรื่องลูกน้อง เรื่องทีม จนสามารถสร้างทีม สร้างคน สร้างงานที่ดีขึ้นมากๆ
# ลลรร 4 เปลี่ยนงานแล้วล้มเหลวจึงเรียนรู้
เมื่ออายุ 40 ปีต้นๆ เคยนึกเบื่องานเดิมๆที่ทำมายาวนาน 14 ปี บวกกับเป็นช่วงที่แบรนด์ Happy ของดีแทคก็กำลังประสบความสำเร็จ จึงทำให้รู้สึกมั่นใจว่าตัวเองจะสามารถผลิตแบรนด์อื่นๆ ได้สำเร็จด้วย จึงตัดสินใจลาออกแล้วไปอยู่บริษัทผลิตกางเกงยีนส์ ผ่านไป 6 เดือนสุดท้ายก็ต้องซมซานออกจากบริษัทนั้น เพราะไม่สามารถทำงานใหม่ได้ดีพอ ทำให้เขารู้สึกล้มเหลวและอับอาย แต่เพราะเป็นคนที่ยอมรับความล้มเหลว ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้เก่งไปซะทุกเรื่อง เขาจึงใช้โอกาสนี้ลองทำสิ่งใหม่ๆดีบ้างไม่ดีบ้างแต่ก็ไม่หยุดง่ายๆ จนเขาได้ค้นพบและได้ทำสิ่งใหม่ๆมากมาย และกลับมาประสบผลสำเร็จในท้ายที่สุด
แม้ยังมีความล้มเหลวอีกหลายข้อที่เขาได้เขียน แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้เราได้เห็นแนวคิดที่แปลกและไม่เหมือนใครของคุณ “ โจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ ” เขาทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆจากความล้มเหลวของเขาไปพร้อมๆกัน นอกจากนั้นเขายังทำให้เห็นว่า ไม่มีผู้ประสบความสำเร็จคนไหนที่ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน และเพราะความล้มเหลวจึงทำให้เขาได้บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ ผ่านบทความเรื่อง # ลลรร ซึ่งย่อมาจาก “ ล้ม ลุก เรียน รู้ ” ชื่อเดียวกับหนังสือของเขานั้นเอง